การเลือกสถานที่
คุณสมบัติของน้ำที่นำมาใช้เลี้ยงปลา
- อุณหภูมิ หากอุณหภูมิสูงปริมาณออกซิเจนจะละลายได้น้อย? และน้ำที่อุณหภูมิต่ำปริมาณออกซิเจนจะละลายได้สูงปกติปลาชอบอาศัยอุณหภูมิระหว่าง25-32 องศาเซลเซียส
- ความขุ่น? ความขุ่นของน้ำตามธรรมชาติเกิดจากสารอินทรียสาร เช่น ตะกอน? โคลนตมซึ่งเป็นอุปสรรรคต่อการสังเคราะห์แสงของพืชน้ำความขุ่นของน้ำจะประกอบด้วย แพลงตอนสีเขียว หากมีมากเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อปลาได้
- ความเป็นกรดด่าง? น้ำที่มีค่าpH อยู่ระหว่าง 6.5-8.5? ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเหมาะแก่การเลี้ยงปลามากที่สุด? หากน้ำเป็นกรดมากปลาจะไม่อยากกินอาหาร? ความต้านทานโรคต่ำ? หากน้ำเป้นด่างมากปลาจะตาย
- คาร์บอนไดออกไซด์? โดยทั่วไปคาร์บอนไดออกไซด์จะมาจากการหายใจของพืชและสัตว์? และการสลายอินทรียสาร? ปลาจะหลีกเลี่ยงไม่อยู่ในน้ำที่มีระดับคาร์บอนไดออกไซด์สูงเกินกว่าระดับ? 5 ppm
- ก๊าซแอมโมเนีย? เป็นก๊าซที่มีพิษต่อปลามากเกิดจากเศษอาหารที่หลงเหลืออยู่และมูลต่างๆที่ปลาขับถ่ายออกมา? ทำให้ปลาเบื่ออาหาร? เคลื่อนไหวช้าลง
- ก๊าซไข่เน่า? เกิดจากการหมักหมมและการย่อยสลายอินทรียสารในก้นบ่อ? จะเกิดปัญหานี้ถ้าให้อาหารปริมาณมาก?? แม้เพียง0.1-0.2 ppmก็อาจทำให้ปลาตายได้
ประเภทของบ่อเลี้ยงปลา
- บ่ออนุบาล เป็นบ่อสำหรับเลี้ยงปลาอ่อนหลังจากออกจากไข่ใหม่ๆ? หรือในระยะที่ยังไม่สามารถป้องกันภัยจากศัตรูได้?? บ่อเลี้ยงลูกปลาไม่ควรมีขนาดใหญ่มากนักสามารถใช้บ่อดิน? บ่อซีเมนต์ตั้งแต่ขนาดเพียงไม่กี่ตารางเมตรถึง 800 ตารางเมตร
- บ่อเลี้ยงพ่อแม่ปลา? ใช้เป็นบ่อเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ควรจะมีขนาดเนื้อที่ประมาณ400-1600ตารางเมตร? ความลึกประมาณ 1.5เมตร
- บ่อเลี้ยง???? นิยมบ่อดิน? ขนาดบ่อควรขึ้นอยู่กับชนิดของปลาและขนาดปลาที่เลี้ยง
วิธีการสร้างบ่อ
สร้างได้ 2 แบบคือ
- บ่อแบบขุดดินออก? พื้นก้นบ่ออยู่ต่ำกว่าระดับดินเดิม? ไม่ต้องทำคันบ่อให้แข็งแรง? เหมาะกับพื้นที่ลุ่ม? เช่น ในนาข้าว? เพียงแต่ขุดดินลงไปแล้วเสริมคันบ่อ
- บ่อแบบยกคัน???????? สร้างในที่ราบไม่ต้องขุดดินบริเวณกลางบ่อ? นำดินที่ขุดมาทำเป็นคันดินโดยรอบอย่างแข็งแรง? แบบนี้เหมาะสำหรับการเลี้ยงปลาอย่างยิ่งเพราะสามารถเก็บกักน้ำได้และระบายน้ำได้ดี
พื้นก้นบ่อ?? จะต้องเรียบไม่มีหลุมแอ่ง? ควรจะมีการลาดเทไปทางระบายน้ำออกเพื่อสะดวกแก่การระบายน้ำ
คันบ่อ?????? เป้นส่วนสำคัญในการเก็บกักน้ำ? ต้องมีความแข็งแรง? และต้องไม่รั่วซึม? ดินที่ขุดขึ้นจากบ่อเพื่อเสริมให้เป้นคันบ่อ? ควรสุงพอป้องกันน้ำท่วมในฤดูฝนหรือฤดูที่น้ำมากต้องขุดระยะไม่น้อยกว่า 1.5-2 เมตร? จากเชิงลาดของบ่อด้านในเพื่อป้องกันการทรุดตัวของบ่อ? คันบ่อควรมีเชิงลาด1:2 ด้านนอก1:1? ด้านที่ต้องปะทะกับลมควรทำเชิงลาดให้มากเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน
ทางระบายน้ำเข้าออก? อาจจะใช้การสูบ หรือทำทางระบายน้ำออก?? หากทำเป็นท่อระบาย? ควรมีขนาดและอยู่ในจุดที่เหมาะสม? โดยท่อน้ำเข้าจะต้องอยู่สูงจากระดับน้ำในบ่อด้านส่วนกว้างและตื้นของบ่อ? เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาว่ายทวนน้ำ? หรือหนีออกจากบ่อ? ขณะเดียวกันเมื่อน้ำไหลเข้าบ่อ? มวลของน้ำจะไหลจากที่ตื้นไปสู่ที่ลึกทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในทางหมุนเวียน
สำหรับท่อน้ำออก? ควรตั้งอยู่ในตำแหน่งฝั่งตรงข้ามของทางน้ำเข้าในส่วนที่ลึกที่สุด? เพื่อระบายน้ำส่วนที่ต่ำสุดออกไปก่อน? ในกรณีที่ต้องการทำทางน้ำล้น? ก็สามารถทำได้โดยเอียงท่อเป็นมุมที่เปิดจากระดับต่ำสุดในบ่อ? ถึงระดับน้ำที่ต้องการ
ข้อแนะนำ? ทางน้ำเข้าและน้ำออกนี้จำเป็นจะต้องมีตะแกรงป้องกันปลาในบ่อว่ายออกมา และศัตรูนอกอ่างปลาว่ายเข้ามาด้วย
การเตรียมบ่อ
ควรให้พื้นที่บ่อมีโอกาสได้รับแสงแดดและออกซิเจน? ซึ่งเป็นการกำจัดปริมาณเชื้อโรคต่างๆในบ่อปลาให้น้อยลงและปล่อยให้อินทรียสารที่หมักหมม อยู่ในบ่อมีการย่อยสลายตัว
บ่อดินขุดใหม่
ต้องมีการวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดิน(ค่าpH)
บ่อดินเก่า
ควรมีการระบายน้ำออกก่อน? โดยเฉพาะบริเวณก้นบ่อ? ปรับปรุงบ่อส่วนที่ชำรุด
สาระน่ารู้การปรับสภาพดินเปรี้ยวสามารถทำได้โดย? ใส่ปูนขาวลงในดิน?? การใส่ปูนขาวยังต้องขึ้นอยู่กับลักษณะของดินอีกด้วย เช่น ดินเหนียวต้องใช้ปูนขาวมากกว่าดินเหนียวปนทราย? ดินทรายใช้ปูนขาวน้อยกว่าดินเหนียวปนทราย
เครื่องมือเครื่องใช้ประจำบ่อปลา
- เครื่องสูบน้ำ?? มีหลายชนิดทั้งเครื่องสูบเครื่องยนต์ดีเซล? และชนิดใช้กระแสไฟฟ้า? ซึ่งจำเป็นแก่การถ่ายน้ำเสีย? นำน้ำเข้าน้ำออก
- อุปกรณ์ลำเลียงปลา? ถุงพลาสติก? กล่องกระดาษถังออกซิเจน
- เครื่องมือจับปลา? ได้แก่ อวน? แห? กระชอน? เปลย้ายปลา? เครื่องชั่ง? ถังลำเลียงปลา
หลักการเลี้ยงปลา
- การเลี้ยงปลาแบบชนิดเดียว? หรือแบบเดียว? หมายถึง? การเลี้ยงปลาชนิดเดียวภายในบ่อเลี้ยง?? โดยมุ่งหวังผลผลิตสูง? ซึ่งควรเลือกปลาที่มีราคาดี? หรือมีตลาดรองรับ? เช่น การเลี้ยงปลาดุกอุย?? ปลาดุกด้านการเลี้ยงปลาแบบนี้สะดวกต่อการดูแลรักษาคัดปลาจับส่งตลาด? เพราะเป็นปลาชนิดเดียวกัน
- การเลี้ยงปลาหลายชนิดหรือแบบรวม?? คือ การเลี้ยงปลาหลายชนิดรวมในบ่อเดียวกัน หรือชนิดเดียวแต่มีขนาดต่างกัน? และไม่มีอันตรายต่อกัน ข้อดีของการเลี้ยงปลาแบบรวม? สามารถใช้ประโยชน์ได้จากอาหารที่มีในบ่อปลาอย่างเต็มที่?? สามารถทยอยจับปลาใหญ่ออกจำหน่ายได้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด? ทำให้ขายได้ราคาดี? เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง
- การเลี้ยงปลาแบบผสมผสาน?? ได้แก่? การเลี้ยงปลาผสมกับการปลูกพืช? เช่น? ปลูกข้าวพร้อมกับการเลี้ยงปลา? เลี้ยงปลาในร่องสวนปลูกผลไม้? การเลี้ยงปลาผสมผสานกับการเลี้ยงเป็ดหรือสุกร? การเลี้ยงปลาชนิดนี้เป็นการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน? เช่น เศษอาหารที่ตกหล่นจากการเลี้ยงสัตว์? สามารถนำกลับมาใช้เป็นอาหารปลา น้ำในบ่อปลาก็ถ่ายลงนาที่ปลุกข้าวแทนที่จะเทลงสู่แหล่งน้ำต่างๆ? ซึ่งเป็นการใส่ปุ๋ยโดยไม่ต้องลงทุน
การคัดเลือกปลาที่จะเลี้ยง??? ควรมีลักษณะดังต่อไปนี้ คือ
- เลี้ยงง่าย? สามารถกินอาหารธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
- โตเร็ว?? มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนจากอาหารที่กินมาเป้นเนื้อสูง
- มีลูกดกและขยายพันธุ์ได้?? หาพันธุ์มาเลี้ยงได้ง่าย? การวางไข่หลายครั้ง? เพาะพันธุ์ได้ง่าย
- อดทน?? มีความทนทานสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี
- สามารถเลี้ยงร่วมกับปลาอื่นได้?? ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน? ควรเป็นปลาที่กินพืชหรือกินแพลงตอน
- เนื้อมีรสดี? ปลามีเนื้อรสชาติดี ปรุงอาหารได้ง่าย
- มีตลาดจำหน่าย? เพราะปลาบางชนิดมีตลาดแคบไม่เป็นที่นิยม
- ได้ราคาดี? ควรจะคุ้มค่าทุนที่เลี้ยงมา
ชนิดของปลา?? ซึ่งถ้าจำแนกตามตามนิสัยของการกินอาหารปลาสามารถจำแนกได้ ดังนี้
- ปลาประเภทกินพืช? ได้แก่? ปลาจีน? ปลาหมอตาล? ปลาตะเพียนขาว? ปลาแรด? ปลาไน?? ปลานิล?? ปลาจำพวกนี้ชอบกินอาหารที่เป็นพืช? เช่น? รำ? ปลายข้าว? แหนเป้ด? เศษผัก? หญ้าขน
ปลาประเภทนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 พวก? คือ พวกที่กินพืชขนาดใหญ่ ได้แก่? ปลาแรด? ปลาสลิด? ปลาเฉา? ปลาตะเพียน? และพวกปลากินพืชขนาดเล็ก? ได้แก่? ปลาเล่ง? ปลาซ่ง? ปลาหมอตาล? ปลานวลจันทร์น้ำจืด? ปลายี่สกเทศ - ปลาประเภทกินเนื้อ? ได้แก่? ปลาดุก? ปลาบู่? ปลาช่อน? สามารถแบ่งได้เป็น 3 พวก? คือ? พวกที่กินสัตว์ที่ตายแล้ว? แต่ยังไม่เน่าเปื่อย? เช่น? ปลาดุกด้าน? ปลาดุกอุย? ปลาสวาย? พวกที่กินแมลงเป็นอาหาร? ได้แก่? ปลาเสือพ่นน้ำ? ปลาไน? ปลาหมอไทย? ปลาเสือตอ
พวกที่กินเนื้อหรือลูกปลาที่ยังมีชีวิตอยู่? ได้แก่? ปลาช่อน? ปลาสะกุป? ปลาไหลนา? ปลาชะโด - ปลาประเภทกินตะไคร่น้ำ?? ปลาชนิดนี้จะกินตะไคร่น้ำ? สาหร่าย? และพืชสีเขียวเล็กๆ? ได้แก่? ปลาลิ่น? ปลาซ่ง? ปลาสลิด? ปลายี่สก
- ปลาประเภทกินเนื้อและพืช? ได้แก่? ปลาสวาย ปลายี่สก? ปลาเทโพ
การจัดหาพันธุ์ปลามาเลี้ยง? หลักเกณฑ์ในการพิจารณาการจัดหาพันธุ์ปลามีดังนี้
- ควรเป็นลูกพันธุ์ปลาที่มีขนาดความยาวตั้งแต่ 3-5 ซม.? ควรจะให้มีขนาดตัวไล่เลี่ยกัน
- ควรจัดหาจากแหล่งที่มีความเชื่อถือในคุณภาพของพัธุ์ปลา? เช่น สถานีประมง
- ลูกปลาที่นำมาควรมีลักษณะแข็งแรง? ลำตัวมีรูปร่างปกติ? สีสันสดใส? ไม่มีบาดแผล ไม่เป็นโรค
การลำเลียงปลาและลูกพันธุ์ปลา
การลำเลียงพันธุ์ปลาสามารถลำเลียงด้วยถุงพลาสติกซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายสำหรับการลำเลียงปลาขนาดไม่มาก
น้ำที่ใช้บรรจุนั้น? ควรเป็นน้ำที่สะอาดปราศจากคลอรีนหรือเป็นน้ำกรอง? ควรเป็นน้ำที่มาจากแหล่งเดียวกันกับที่ไว้ขังปลาให้อดอาหารก่อนการลำเลียง? เพราะปลายังไม่เคยชินกับน้ำใหม่?? เวลาบรรจุหรือลำเลียงจะมีอาการชอคหรือตื่นเต้นผิดปกติ? และอาจถึงตายได้? ปริมาณน้ำที่ใช้บรรจุนั้นควรมีขนาด 1/3-1/4 ของปริมาตรของถุง
ขั้นตอนในการลำเลียงลูกปลา? ปฏิบัติดังนี้
- ควรให้ลูกปลาอดอาหารอย่างน้อย 24 ชม.? เพื่อให้อาหารที่มีอยู่ในกระเพาะได้ถูกใช้หมดก่อนที่จะถูกลำเลียง? ในระยะที่ถูกขังให้อดอาหารนี้จะสังเกตได้ว่าปลาจะถ่ายออกมาเป็นจำนวนมาก
- ควรคัดเลือกปลาขนาดเดียวกัน? เพราะปลาที่อดอาหารมานั้นอาจแสดงอาการดุร้าย? ทำร้ายตัวที่เล็กกว่า? อาจถึงขั้นรุมกัดกินปลาที่ตัวเล็กกว่าเป็นอาหารไปเลย
- นำลูกปลาลงถุงลำเลียง? โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้ ในระยะห่างเท่าๆกันจะสามารถบรรจุปลาตัวเล็กมาก? อุณหภูมิของอากาศ? หรือน้ำที่ต่ำกว่า? บรรจุปริมาณลูกปลาขนาดเดียวกันได้มากกว่า
- การอัดออกซิเจน? ควรปล่อยก๊าซจากถังมาตามยางซึ่งจุ่มลงน้ำภายในถุง?? โดยปล่อยให้ฟองอากาศแทนที่อากาศภายในถุง 2 ใน 3 ส่วน ถึง 3 ใน 4 หรือ 4 ใน 5 ส่วน? ของความจุของถุง
- การวางถุงอัดออกซิเจน? ควรวางตามแนวนอน? เพื่อเพิ่มเนื้อที่ของปลามากขึ้น? ในการขนส่งทางไกลนานควรหาทางลดอุณหภูมิหรือรักษาอุณหภูมิเพื่อให้ลูกปลาได้เคลื่อนไหวได้น้อยที่สุด? เช่นใช้กล่องโฟมบรรจุถุงพลาสติก
การปล่อยปลาลงเลี้ยง
เวลาที่เหมาะสำหรับการปล่อยปลาคือเวลาเช้าหรือเวลาเย็น? ถ้าเป็นเวลาที่อากาศร้อนจัด? ควรเอามือตีกวนน้ำในบ่อที่ปลาจะอยู่ใหม่เพื่อให้ความร้อนของผิวหน้าน้ำไม่ต่างจากระดับลึก
การดูแลน้ำในบ่อเลื้ยงปลา
บ่อที่เลี้ยงปลาที่กินอาหารไม่เลือก? กินพืชและกินแพลงตอน? ควรเติมน้ำให้ได้ระดับ 1-2.50 เมตรอยู่เสมอ หากมีปลาตัวใดที่กินอาหารได้น้อยลงหรือลอยหัวควรจะถ่ายน้ำ?? เปลี่ยนน้ำอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง? อาจสามารถสังเกตได้จากสีของน้ำและการลอยหัวของปลา
การระบายน้ำของบ่อควรระบายส่วนล่างของก้นบ่อซึ่งจะเป็นส่วนที่เน่าเสียมากกว่าบนผิวน้ำ? ในกรณีที่บ่อปลาไม่สามารถระบายน้ำได้เลยจะต้องระมัดระวังในการให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะ? น้ำจะได้ไม่เน่าเสียเร็ว? บางครั้งเราอาจสามารถใส่เกลือแกงลงไปเพื่อช่วยปรับสภาพของน้ำ? ในอัตราส่วนประมาณ200-300? กก./ไร่
สาระน่ารู้ เมื่อถึงฤดูน้ำหลากหรือน้ำท่วมเพื่อป้องกันปลาหนีเราควรใช้ตาข่ายป้องกันปลาหนีโดยใช่ตาข่ายป้องกันรอบๆบ่อ
การใส่ปุ๋ยในบ่อปลา
การใส่ปุ๋ยในบ่อปลามีผลต่อพืชน้ำ? เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้แก้พืชน้ำในการเจริญเติบโต?? เพิ่มธาตุอาหารประเภทแพลงตอนพืช? ช่วยปรับสภาพน้ำ? เช่นความขุ่นใสและความเป็นกรดด่าง?? อีกทั้งปุ๋ยบางชนิดยังใช้เป็นอาหารปลาโดยตรงอีกด้วย
ปุ๋ยที่ใช้กับบ่อปลามี 4 ประเภท คือ
- ปุ๋ยคอก? ได้แก่ มูลสัตว์
- ปุ๋ยพืชสด? ได้แก่? ส่วนของพืชผัก? และวัชพืชที่มีใยพืชน้อย
- ปุ๋ยหมัก? ได้แก่? ปุ๋ยที่เกิดจากการหมักของเศษพืชผสมกับมูลสัตว์? และแบคทีเรีย
- ปุ๋ยเคมี? ได้แก่? ปุ๋ยวิทยาศาสตร์สูตรต่างๆซึ่งประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก คือ ไนโตรเจน? ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียม
อัตราการใช้ปุ๋ย
ปุ๋ยสดจะทำให้มีก๊าซพวกแอมโมเนียละลายอยู่ในน้ำมากเกินไปซึ่งเป็นอันตรายต่อปลา? การใส่ปุ๋ยคอกในบ่อใช้วิธีโยนให้กระจายไปทั่วๆบ่อ? หากเป็นปุ๋ยพืชสดหรือปุ๋ยหมัก? ควรกองสุมไว้ตามมุมบ่อภายในคอกไม้ไผ่ที่ล้อมเป็นกรอบไว้เพื่อไม่ให้ปุ๋ยกระจายไป
ปุ๋ยคอกใช้ในอัตราไม่เกิน 200-250 กก.ต่อไร่ต่อเดือน? ปุ๋ยพืชสดไม่เกิน 1200-1500 กก.ต่อไร่และปุ๋ยหมัก 600-700 กก.ต่อไร่
ปริมาณปุ๋ยที่ใส่ได้พอดี สามารถสังเกตได้จากสีน้ำของบ่อ จะต้องเป็นสีเขียว? หากน้ำเป็นสีเขียวเข้มหรือออกสีน้ำตาลเข้มแสดงว่าใส่ปุ๋ยคอกมากเกินไปควรเพิ่มน้ำเข้าบ่อ
ข้อควรระวัง
การใส่ปุ๋ยเคมีจะมีปฏิกิริยาค่อนข้างเร็วดังนั้นต้องทำด้วยความระมัดระวังและใช้ปริมาณน้อย
การใส่ปูนขาว
ปูนขาวจะช่วยปรับสภาพความเป็นกรดด่างให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงปลาระหว่าง 6.5-8.5? ช่วยกำจัดเชื้อโรคและศัตรูปลาและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ยที่ใส่ในบ่อปลา
การใช้ปูนขาวในขณะที่มีปลาอยู่ในบ่อ? ควรใช้วิธีละลายปูนในถังน้ำทีละเล็กน้อย? แล้วสาดให้ทั่ว? ไม่ควรเทเป็นผงๆลงในน้ำ
การแก้ไขน้ำขุ่นและน้ำเค็ม
บ่อปลาที่ขุดใหม่มักจะประสบปัญหาน้ำขุ่นเนื่องจากตะกอนดินที่ถูกพัดพามาหรือภายในบ่อปลาเอง? ความขุ่นนี้อาจทำให้ปลาเจริญเติบโตช้า ตะกอนดินอาจไปอุดตันเหงือก
การแก้ไขปัญหาน้ำขุ่นอาจทำได้โดย
- ใช้สารเคมี? เช่น สารส้มหรือสารอื่นๆวิธีนี้จะเป็นการแก้ไขแบบชั่วคราวเท่านั้น และจะทำให้มีปัญหาอื่นๆตามมาอีก เช่น น้ำมีสภาพเป็นกรดมากขึ้น
- การใช้ปุ๋ยเคมี เช่น ปุ๋ยซุเปอร์ฟอสเฟต ในอัตราประมาณ 2-5 กก.ต่อไร่ต่อเดือน? จะช่วยให้เกิดแพลงตอนพืช? ทำให้าสารแขวนลอยจับตัวและตกตะกอนขึ้น
- ใช้ปุ๋ยพืชสด? ในอัตราประมาณ1200-1500 กกต่อไร่? การสลายตัวของปุ๋ยพืชสดทำให้เกิดตะกอนขึ้น
การแก้ไขปัญหาน้ำเค็มสามารถทำได้โดย การใช้แกลบหรือขี้เลื่อยปกคลุมผิวหน้าดินให้ทั่วเพื่อไม่ให้อนุภาคของเลือลอยตัวขึ้นมา? โดยโรยให้มีความหนาแน่นประมาณ 5-10 ซม.
อาหารปลา
อาหารปลามีหลายชนิดได้แก่
อาหารธรรมชาติ
- แพลงก์ตอนพืช? กระจายอยู่ทั่วไปใยบ่อ สามารถขยายพันธ์และเจริญได้ดีในบ่อที่มีแสงอาทิตย์ผ่าน
- แพลงก์ตอนสัตว์? สามารถว่ายและเลื่อนลอยอยู่ในน้ำ? เช่น สัตว์เซลล์เดียว? ตัวอ่อนของปู กุ้ง
- ชีวอินทรีย์ที่เป็นสัตว์? เช่น ลูกน้ำ? ลูกแมลงปอ? ลูกหอย? และแมลงน้ำชนิดอื่นๆ
- สัตว์น้ำก้นบ่อ? สัตว์ที่ฝังตัวอนยู่ก้นบ่อ? เช่น หนอนแดง? ไส้เดือน ลูกหอยขม
- พืชน้ำ? พืชที่เกิดขึ้นในบ่อ
อาหารสมทบ? มีทั้งมาจากพืชและสัตว์เช่น
- ใบและต้นพืช
- หัวและเมล็ดพืช
- เศษอาหาร? เช่น กากถั่วเหลือง? กากมะพร้าว
- กุ้งหอย
- ปลาทะเลสด
- ปลาป่น
- เศษเนื้อ? เลือดสัตว์? เช่น เนื้อปู ปลา หมู อาจใช้เลี้ยงปลาได้โดยตรงหรือผสมกับอาหารอื่น
อาหารสำเร็จรูป? เป็นอาหารที่สะดวกต่อการให้? และเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
- แบบผง? คล้ายกับนมผงแต่มีสารเคลือบพิเศษที่สามารถทำให้อาหารสามารถลอยน้ำได้
- เม็ดจม? ลักษณะเป็นผงและแห้ง? มาผสมกับน้ำและไอน้ำแล้วผ่านเครื่องอัดเม็ดให้เป็นรูปร่างต่างๆ
- แบบเม็ดลอย? อาหารชนิดนี้มีอากาศอยู่ข้างในจึงทำให้มัคุณสมบัติสามารถละลายน้ำได้
นิสัยการกินอาหารของปลา
ปลาจะกินอาหารแตกต่างกันไปตามระดับความลึกของน้ำแบ่งออกเป็น
- ปลาที่กินอาหารตามผิวน้ำ? ได้แก่? ปลานิล? ปลาตะเพียนขาว? ปลาสลิด? ปลาเฉา? ปลาสวาย? ปลาแรด? ปลาเสือพ่นน้ำ? ปลาช่อน
- ปลาที่กินอาหารกลางๆน้ำ? ได้แก่? ปลาสวาย ปลาแล่ง? ปลาหมอตาล
- ปลาที่กินอาหารตามพื้นท้องน้ำ? เป็นปลาที่กินอาหารจำพวกสัตว์หน้าดิน? ได้แก่? ปลาหลด ปลาไน ปลาซ่ง ปลาดุก
สาระน่ารู้? นิสัยการกินของปลากับปากของปลา
ปลาที่กินเนื้อ?? มีลักษณะปากใหญ่? ขากรรไกรอ้าได้กว้าง? มีฟันแหลมคม
ปลากินพืช????? มีลักษณะ มีซี่กรองเหงือกยาวละเอียดกว่าปลากินเนื้อ? ปากแคบ? ขากรรไกรอ้าได้แคบ
วิธีการให้อาหารปลา
- ให้ปลากินเป็นเวลา ให้ในเวลากลางวัน
- ตำแหน่งที่ให้ควรเป็นที่เดิม
- มีภาชนะรองรับอาหารเป็นที่ๆในบ่อนั้น
- ก่อนให้อาหารควรให้สัญญาณ? เช่นการทำให้น้ำกระเพื่อม
- ปรับปริมาณอาหารมี่จะให้ทุก 1-2 สัปดาห์
การทำอาหารเลี้ยงปลา
- เครื่องบด?? มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบอาหารแห้ง เช่นบดถั่ว บดข้าว และแบบอาหารสด บดหรือหั่นผักตบชวาผลที่ได้มาจะดูคล้ายกะปิ
- เครื่องผสม? แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
แบบตั้ง รูปแบบคล้ายกรวยกรองน้ำ ภายในมีเกลียวหมุนด้วยแรงฉุด ทำให้วัสดุต่างๆผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
แบบนอน?? คล้ายรูปทรงกระบอกผ่าซีกปิดหัวท้าย วางในแสวนอน? ภายในทรงกระบอกนี้จะมีแกนซึ่งล้อมรอบด้วยใบพัดว้อนกันหลายใบ? แกนจะหมุนด้วยแรงฉุด ใช้ได้ทั้งวัสดุที่เปียกหรือแห้ง - เครื่องอัดเม็ด?? ลักษณะเป็นกระบอกยาวปลายกระบอกข้างหนึ่งปิดตันและเจาะเป็นช่อง? ข้างต่อกับที่สำหรับใส่อาหารไหลลงมาภายในกระบอก? มีแกนเป็นเกลียวเพื่อหมุนส่งอาหารให้ออกไปที่ปลายกระบอกมีแกนเป็นเกลียวเพื่อหมุนส่งอาหารออกไปที่ปลายกระบอก? ปลากยกระบอกสวมด้วยจานเจาะเป้นรู? ส่วนที่ยื่นออกมาจะติดใบมีดเพื่อให้อาหารออกเป็นแท่งๆ? ยาวสั้นตามต้องการ? อาหารที่ได้ค่อนข้างจะมีความชื้นสูงหรืออาจนำไปผึ่งแดดให้แห้งเก็บเป้นอาหารแห้งไว้ใช้เลี้ยงในวันต่อไป
- เครื่องชั่ง? ใช้ชั่งวัสดุต่างๆตามจำนวนที่คำนวณไว้
ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/4-5/no20/aboutleangpla.html